0-2763-2600 Ext. 2652, 2409, 2410

เทรนด์ธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2024

Credit: Freepik.com

ปี ค.ศ. 2024 นับเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกก็ยังบอบช้ำกับผลพวงราคาพลังงานที่สูงขึ้นจากสงครามรัสเซียกับยูเครนและภาวะโลกเดือด ในทางกลับกัน ธุรกิจบางประเภทได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนปูทางให้เกิดเป็นเทรนด์ธุรกิจที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตอย่างยั่งยืนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และอาจต่อเนื่องไปจนถึงปีถัด ๆ ไป จะมีเทรนด์ธุรกิจแบบใดบ้าง มาดูกัน

Credit: Pexels.com

Generative AI ขยายไปทุกวงการ

Generative AI หรือ GenAI คือปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสร้างผลงานเช่นงานเขียน งานภาพ และงานดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่ได้ จุดเด่นของ GenAI อย่าง ChatGPT หรือ Midjourney คือเราสามารถกำหนดสไตล์ของผลงานได้ตามที่ต้องการและสร้างผลงานภายในระยะเวลาอันสั้น จึงทำให้ GenAI ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันและเทรนด์ธุรกิจในอนาคต คาดการณ์ว่าภายในปี ค.ศ. 2050 GenAI จะครองพื้นที่ตลาด AI ถึง 30% หรือมูลค่าถึง 65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผลงานของ GenAI เป็นประโยชน์ต่อหลากหลายสายงานด้วยกัน เช่น

  • งานการตลาด งานทำยอดขาย ทำสื่อประชาสัมพันธ์ สรุปยอดขาย วิเคราะห์ความเสี่ยง
  • งาน IT เขียนโค้ดเบื้องต้น วิเคราะห์และลงตารางข้อมูล
  • งานด้านกฎหมาย ร่างและวิเคราะห์เอกสารด้านกฎหมาย สรุปและเน้นข้อมูลสำคัญจากเอกสารกฎหมายจำนวนมาก ตอบคำถามเกี่ยวเอกสารนั้น ๆ
  • งานบุคลากร ช่วยคิดคำถามสัมภาษณ์ให้เหมาะสมและตรงตามปรัชญาขององค์กร ช่วยเรื่องถาม-ตอบแบบอัตโนมัติเกี่ยวกับงานบุคลากรที่พนักงานสงสัย
  • งานออฟฟิศทั่วไป ช่วยเขียนอีเมล ทำงานนำเสนอแบบมืออาชีพ สรุปสาระสำคัญของงานนำเสนอและประชุม ทำงานงานเอกสารต่าง ๆ
  • งานวิจัยด้านการแพทย์ สร้างโมเดลคาดการณ์การระบาดของโรค จำลองกายวิภาคคนไข้

ภาคการนำเข้าและส่งออกพบทั้งโอกาสและความเสี่ยง

เมื่อเทียบกับ 3 ไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2023 สถานการณ์ของค่าใช้จ่ายด้านการนำเข้าและส่งออกปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก ค่าขนส่งสินค้าโดยเฉลี่ยลดลงถึง 45% ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจลดลงและมีผลต่อเนื่องถึงราคาสินค้าที่ประหยัดขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแข่งขันอันดุเดือดของอเมริกาและจีนทำให้เกิดกำแพงภาษีนำเข้าและส่งออกที่สูงลิบ รวมถึงสงครามที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ในหลายประเทศส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานนั้นต้องปรับราคาขึ้นเพื่ออยู่รอด เทรนด์ธุรกิจการนำเข้าและส่งออกจึงต้องอาศัยนวัตกรรมด้านการขนส่งที่ช่วยลดต้นทุนและส่งเสริมสิ่งแวดล้อมไปในตัว

Credit: Freepik.com

E-Commerce ผลิบานต่อเนื่อง

เทรนด์ธุรกิจในครึ่งหลังของปีนี้จะอยู่บนโลกออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ จากการคาดการณ์ว่ารายได้จากอีคอมเมิร์ซจะสูงถึง 4,117 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีจีนเป็นผู้นำตลาด และผู้ใช้งานอีคอมเมิร์ซจะพุ่งสูงถึง 3.6 พันล้านคนทั่วโลกภายในปี ค.ศ. 2029 สินค้าขายดีในตลาดอีคอมเมิร์ซ ได้แก่ สินค้าด้านความงามและแฟชั่น อุปกรณ์ไฟฟ้าและแกดเจ็ต นอกจากนี้ การซื้อขายผ่านโทรศัพท์มือถือจะเติบโตกว่าอีคอมเมิร์ซในรูปแบบอื่น ปัจจัยเสริมที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดยอดขายได้มีดังนี้

  • เทคโนโลยีโลกเสมือนในสมรภูมิการค้าออนไลน์
    เทคโนโลยีโลกเสมือน (Immersive technology) เช่น ความเป็นจริงเสมือน (virtual reality: VR) ความเป็นจริงเสริม (augmented reality: AR) และความจริงผสม (mixed reality: MR) จะเพิ่มความสามารถในแข่งขันที่กำลังดุเดือดในโลกออนไลน์ได้ เนื่องจากช่วยเพิ่มการเข้าถึงสินค้า ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมการซื้อ และสามารถทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลได้อย่างแม่นยำ การสำรวจพบว่าผู้บริโภคมากกว่า 50% สนใจที่จะใช้ AR/VR ในการทดลองสินค้า เช่น ร้านขายเครื่องสำอางมีเทคโนโลยี AR/VR ให้ลูกค้าทดลองสีลิปสติกเสมือนจริง หรืออย่างร้านขายเฟอร์นิเจอร์บน Pinterest ให้ลูกค้าทดลองวางเฟอร์นิเจอร์เสมือนไว้ในพื้นที่ต่าง ๆ ในบ้านลูกค้าด้วยเทคโนโลยีเดียวกัน ซึ่งลูกค้าที่ใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้ามากกว่าลูกค้าที่ไม่ใช้ถึง 20%
  • Last-mile delivery ยิ่งส่งเร็ว ยิ่งอยากซื้อ
    การเติบโตของอีคอมเมิร์ซส่วนหนึ่งเป็นเพราะการพัฒนาของระบบขนส่ง จากการสำรวจพบว่า ลูกค้าเกือบ 80% อยากซื้อสินค้ามากขึ้นหากสินค้านั้นสามารถส่งถึงที่หมายได้ภายใน 1-2 วันหรือเร็วกว่านั้น โดย 65% ยอมจ่ายเพิ่มถ้าสินค้ามาส่งถึงภายในเวลาดังกล่าว และ 30% ยอมจ่ายเพิ่มถ้าสินค้ามาถึงภายในวันที่สั่งซื้อหรือที่เรียกว่า same-day delivery
  • เทคโนโลยี 5G ตอบโจทย์ทุกเทรนด์ธุรกิจ
    การมีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในระดับ 5G ที่เสถียรและทั่วถึงจะทำให้ทุกเทรนด์ธุรกิจเป็นจริงได้ เพราะจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและได้รับประสบการณ์ที่แม่นยำมากขึ้น รวมถึงจะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้มากขึ้นเช่นกัน

Credit: Adobe.com

เศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นวาระแห่งโลก

ผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้นและใกล้ตัวมากขึ้นทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโตต่อเนื่องจนกลายเป็นเทรนด์ธุรกิจใหม่ขึ้นมา โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) เป็นอีกทางเลือกที่โลกกำลังมุ่งไปเพื่อสร้างความยั่งยืน โดยเน้นการผลิตและบริโภคที่ก่อให้เกิดของเสียน้อยที่สุดหรือไม่มีของเสียเลย มีเป้าหมายเพื่อชะลอการทำลายสิ่งแวดล้อมและฟื้นฟูให้ธรรมชาติกลับมา โดยมีการประเมินว่า หากนำรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้กับอุตสาหกรรมซีเมนต์ อะลูมิเนียม เหล็ก พลาสติก และอาหารจะช่วยลดก๊าซเรือนกระจก (ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) ได้ถึง 9.3 พันล้านตัน หรือเกือบครึ่งหนึ่งในภาคการผลิตทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งนั่นเทียบเท่ากับการลดก๊าซเรือนกระจกจากภาคขนส่งทั้งหมดเลยทีเดียว

ในมุมธุรกิจ เศรษฐกิจหมุนเวียนมีข้อดีคือช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบ พลังงาน และการจัดการของเสีย ส่งผลให้มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น เทรนด์ธุรกิจที่กระตุ้น circular economy ที่น่าสนใจ ได้แก่

  • การนำกลับมาใช้ใหม่ ทั้งที่เป็นการใช้ซ้ำ (reuse) และการนำของเสียเข้ากระบวนการผลิตใหม่ (remanufacture) ในปัจจุบันมีเทรนด์ธุรกิจที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคนำของที่ไม่ใช้แล้วแต่ยังใช้ได้มาแบ่งให้เช่าหรือใช้ซ้ำตามแพลตฟอร์มในโลกออนไลน์ต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ Excessmaterialsexchange.com ที่เป็นแหล่งจับคู่ชิ้นส่วนวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรมที่นำมาใช้ซ้ำได้ แนวทางนี้ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของสินค้าและลดการผลิตใหม่ได้
  • การใช้ให้นานและคุ้มที่สุด เทรนด์นี้จะเน้นการซ่อมบำรุงสินค้าจนกว่าจะใช้งานต่อไม่ได้และนำสิ่งนั้นไปรีไซเคิลต่อ ธุรกิจสามารถประยุกต์ใช้ AI เพื่อช่วยแจ้งเตือนการซ่อมบำรุงได้
  • การผลิตโดยวัตถุดิบจากธรรมชาติ (bio-materials) สินค้าจากวัตถุดิบธรรมชาติจะเพิ่มโอกาสในการรีไซเคิลและเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ เช่น ผลิตภัณฑ์บรรจุอาหารที่ทำมาจากพืช ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ธุรกิจที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการคาดการณ์เทรนด์ธุรกิจที่จะมาแรงในครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อไม่ให้พลาดทุกเทรนด์ธุรกิจ พวกเราขอแนะนำให้ติดตามข่าวสารด้านธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ก้าวสู่การเป็นผู้นำทุกเทรนด์ธุรกิจในอนาคตได้ด้วยความรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่สาขาธุรกิจระหว่างประเทศและการเป็นผู้ประกอบการ (International Business and Entrepreneurship) วิทยาลัยนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TNIC) ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://tnic.tni.ac.th/ibn-program/

แหล่งข้อมูล

Explodingtopics.com

Norcham.com

Statista.com

Economist.com

Cognitivemarketresearch.com

Businessoverdrinks.com

Startus-insights.com