ปลดล็อกความฝัน สร้างเกมด้วยตัวเอง! ก้าวสู่เส้นทางนักพัฒนาเกมมืออาชีพ
Credit: Adobe.com
เคยไหมที่คุณนั่งเล่นเกมแล้วรู้สึกอยากสร้างเกมของตัวเองขึ้นมาบ้าง? ฝันของคุณเป็นจริงได้ง่ายกว่าที่คิด! ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับโลกของการสร้างเกม เรียนรู้พื้นฐานการคิด โปรแกรมที่ใช้ และความรู้ที่จำเป็นสำหรับการสร้างเกมด้วยตัวของคุณเอง
Credit: Adobe.com
พื้นฐานการคิดในการสร้างเกมมีอะไรบ้าง?
การสร้างเกมเริ่มต้นจากการที่คุณมีไอเดียที่ชัดเจนและมีเรื่องราวที่จะสื่อสารกับผู้เล่น เกมที่ดีมักมีการออกแบบเนื้อเรื่องที่น่าสนใจและมีการพัฒนาเรื่องราวของตัวละคร นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงระบบการเล่น (Gameplay Mechanics) กฎเกณฑ์ และกติกาที่ท้าทาย
เกมที่ดีและสนุกเกิดขึ้นจาก “การคิดวิเคราะห์” ซึ่งรวมถึงการฝึกคิดอย่างมีระบบ ตั้งคำถาม วางแผน และแก้ปัญหาอย่างมีตรรกะ วิธีคิดเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการออกแบบกลไก ด่าน ตัวละคร เนื้อเรื่อง และระบบต่าง ๆ ภายในเกมของคุณอย่างเป็นเหตุเป็นผล นำมาผนวกกับ “ความคิดสร้างสรรค์” ในการจินตนาการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเกม ตั้งแต่การออกแบบตัวละคร ฉาก ไอเท็ม รวมไปถึงการเล่าเรื่อง ซึ่งไอเดียดี ๆ สามารถสะสมได้ด้วยวิธีการดังนี้
- สังเกตสิ่งรอบตัว: มองหาแรงบันดาลใจจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัว อาจจะเป็นหนังสือ ภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแม้แต่ประสบการณ์ส่วนตัว
- เล่นเกมเยอะ ๆ: วิเคราะห์เกมที่คุณชื่นชอบว่าอะไรทำให้เกมนั้นสนุก อะไรคือจุดเด่น อะไรคือจุดอ่อน
Credit: Adobe.com
โปรแกรมสร้างเกมยอดนิยมมีอะไรบ้าง?
ในอดีต นักพัฒนาเกมอาจต้องใช้ความรู้ด้านโปรแกรมมิ่งที่ซับซ้อน แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นทำให้เครื่องมือสร้างเกม (Game Engine) ได้รับการพัฒนาจนใช้งานง่าย ช่วยให้คุณเนรมิตเกมในฝันขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดตั้งแต่ต้น ซึ่ง Game Engine ที่เป็นที่นิยมมีดังนี้
1. Unity เครื่องมือสร้างเกมสุดฮิตที่ยืดหยุ่นและครบครัน สามารถเนรมิตเกมได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น 2D หรือ 3D ทั้งเกมสำหรับ PC คอนโซล มือถือ และ VR/AR Unity มีผู้ใช้งานมากมายทั่วโลก และมีชุมชน (Community) ที่แข็งแกร่งที่เหล่านักพัฒนาเกมมาแชร์ความรู้และประสบการณ์ในวงการจำนวนมาก
ตัวอย่างเกมดังที่สร้างจาก Unity
- Pokémon Go
- Among Us
2. Unreal Engine เป็นเครื่องมือสร้างสรรค์เกมที่ทรงพลังด้วยกราฟิกสวยสมจริง มีระบบ Procedural Content Generation Framework ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างเนื้อหาเกมได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเขียนโค้ดเพิ่มเติม เหมาะสำหรับการสร้างฉากขนาดใหญ่ เช่น ป่าไม้ หรือเมือง ผู้ใช้สามารถลงรายละเอียดในเกมได้ตั้งแต่ความหนาแน่นของวัตถุ แสงเงา ไปจนถึงรูปแบบและสีสัน มาพร้อมเทคโนโลยี Motion Capture ที่ ช่วยให้ตัวละครในเกมเคลื่อนไหวและแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าได้อย่างสมจริง
ตัวอย่างเกมดังที่สร้างจาก Unreal Engine
- Diablo 4
- The Lords of the Fallen
Credit: Adobe.com
3. Game Maker เครื่องมือที่มีหน้าตาการใช้งานที่เรียบง่าย จึงเหมาะสำหรับมือใหม่เป็นอย่างมาก ผู้ใช้สามารถสร้างเกมได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด เพียงลากและวางไอคอนคำสั่งต่าง ๆ บนหน้าจอ มีระบบและเครื่องมือที่สะดวกครบครัน สามารถรองรับการสร้างเกม 2D ได้ทุกประเภท
ตัวอย่างเกมดังที่สร้างจาก Game Maker
- Forager
- Chicory: A Colorful Tale
4. CryEngine เครื่องมือสร้างเกมที่ขึ้นชื่อเรื่องยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว เพราะการพัฒนาเกมบน CryEngine ครั้งเดียวสามารถนำไปใช้งานได้ทั้งบน PC คอนโซล และมือถือ รวมถึงรองรับเทคโนโลยี VR/AR สร้างกราฟิกได้สมจริง สามารถจำลองการเคลื่อนไหว แรงโน้มถ่วง และแสงสะท้อนได้อย่างแม่นยำ ช่วยมอบประสบการณ์ที่เหมือนจริงราวกับอยู่ในเกมให้กับผู้เล่น เหมาะสำหรับการพัฒนาเกม 3D สุดอลังการ
ตัวอย่างเกมดังที่สร้างจาก CryEngine
- Far Cry
- Crysis
Credit: Adobe.com
การสร้างเกมต้องมีความรู้อะไรบ้าง?
การสร้างเกมนั้นต้องใช้ความรู้และทักษะหลากหลายแขนงผสมผสานกัน ขึ้นอยู่กับประเภทของเกมที่ต้องการสร้าง โดยหลัก ๆ แบ่งออกเป็นดังนี้
1. ทักษะการออกแบบ (Design Skills)
- การออกแบบเกม (Game Design): ทักษะนี้สำคัญมาก เป็นพื้นฐานที่กำหนดรูปแบบการเล่น เนื้อเรื่อง ตัวละคร ฉาก และระบบต่าง ๆ ของเกม ผู้ออกแบบเกมต้องสามารถถ่ายทอดไอเดียออกมาได้อย่างชัดเจน
- การออกแบบกราฟิก (Graphic Design): ทักษะนี้ใช้สำหรับออกแบบตัวละคร ฉาก ไอเท็ม จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับหลักการออกแบบ การใช้สี และโปรแกรมกราฟิก
- การออกแบบเสียง (Sound Design): ทักษะนี้ใช้สำหรับสร้างเสียงประกอบภายในเกม เช่น เสียงดนตรี เสียงเอฟเฟกต์ และเสียงตัวละคร จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการบันทึกเสียง การตัดต่อเสียง และซอฟต์แวร์สร้างเสียง
2. ทักษะการเขียนโปรแกรม (Programming Skills)
- การเขียนโปรแกรม: ทักษะนี้จำเป็นสำหรับการเขียนโค้ดที่ทำให้เกมทำงานไปตามที่เราต้องการ ภาษาโปรแกรมที่นิยมใช้สำหรับพัฒนาเกมมีทั้ง C++, C#, Java และ Python ขึ้นอยู่กับลักษณะของเกมที่สร้าง
- ความรู้เกี่ยวกับคณิตศาสตร์และตรรกะ: ทักษะนี้จำเป็นสำหรับการคำนวณและเขียนโปรแกรมที่ควบคุมระบบต่าง ๆ ในเกม เช่น ระบบฟิสิกส์ ระบบ AI ระบบการเคลื่อนไหวของตัวละคร
3. ทักษะอื่น ๆ
- การเล่าเรื่อง (Storytelling): ทักษะนี้สำคัญสำหรับเกมที่มีเนื้อเรื่อง ผู้เขียนบทเกมต้องสามารถเขียนเรื่องราวที่น่าสนใจ ดึงดูดผู้เล่น และสอดคล้องกับรูปแบบการเล่นเกม
- การทดสอบเกม (Game Testing): ทักษะนี้จำเป็นสำหรับการหาบั๊กและข้อผิดพลาดในเกม โดยต้องเล่นเกมอย่างละเอียด และบันทึกปัญหาต่าง ๆ เพื่อนำไปแก้ไข
- การทำงานเป็นทีม (Teamwork): เพราะในการสร้างเกมนั้น คุณอาจต้องร่วมงานกับนักพัฒนาเกมหลากหลายท่านเพื่อช่วยเสริมส่วนที่คุณไม่ถนัดและทำให้เกมออกมาใช้งานได้จริงภายในเวลาที่หวังไว้ ซึ่งต้องการการสื่อสารและแชร์ไอเดียที่ดีเพื่อช่วยให้ผลงานของคุณประสบความสำเร็จได้
Credit: Adobe.com
จริงอยู่ว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ช่วยให้เราสร้างเกมได้ง่ายขึ้น แต่การสร้างเกมที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยทักษะขั้นสูงหลายอย่าง ประสบการณ์ และคำแนะนำจากมืออาชีพในวงการอย่างใกล้ชิด มุ่งหน้าสู่การเป็นนักสร้างเกมมือโปร พร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญแบบตัวต่อตัว มาเรียนกับเราเลยที่สาขาวิศวกรรมดิจิทัล (Digital Engineering) วิทยาลัยนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TNIC) ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://tnic.tni.ac.th/th/dge-program-th/
แหล่งที่มา