0-2763-2600 Ext. 2652, 2409, 2410

ส่องความต่างในความเหมือนระหว่าง Data Analyst กับ Data Scientist

Credit: Freepik.com, Freepik.com

งานด้านข้อมูลหรือ Data นั้นกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน เนื่องจากเป็นตัวช่วยให้บรรดาธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น รวมถึงลดความเสี่ยงและช่วยคาดการณ์เทรนด์ที่กำลังจะมาในอนาคต อาชีพในสายงานข้อมูลนั้นจึงมีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และด้วยความซับซ้อนและรายละเอียดอันลึกซึ้งของงานด้านข้อมูลจึงทำให้เกิดเป็นตำแหน่งย่อยมากมาย เชื่อว่าตำแหน่ง Data Analyst และ Data Scientist เป็นตำแหน่งยอดนิยมที่ผู้คนรู้จักเมื่อพูดถึงสายงานนี้ ว่าแต่ทั้ง 2 ตำแหน่งมีบทบาทหน้าที่ต่างกันอย่างไร มาไขข้อสงสัยกันในบทความนี้!

Credit: Freepik.com

Data Analyst ทำหน้าที่อะไร?

Data Analyst หรือนักวิเคราะห์ข้อมูล คืออาชีพที่มุ่งเน้นการหาข้อมูลเชิงลึก (Insight) ให้กับลูกค้า เพื่อช่วยให้ลูกค้านำผลลัพธ์ที่ได้ไปตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจต่อ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนธุรกิจ การลงทุน หรือแม้แต่การลดทุนเพื่อลดความเสี่ยงต่อธุรกิจ

ถึงแม้ว่าชื่อตำแหน่งจะเป็น Data Analyst หรือนักวิเคราะห์ข้อมูล แต่ก็ใช่ว่างานนี้จะทำหน้าที่แค่การวิเคราะห์อย่างเดียว ยังรวมถึงการทำ Data Mining ด้วย นั่นก็คือการคลีนข้อมูล การรวบรวมเรียบเรียงข้อมูล การแปลงข้อมูล การแบ่งประเภทข้อมูล และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้าเกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง

เมื่อ Data Analyst วิเคราะห์ข้อมูลออกมาเรียบร้อยแล้ว Data Analyst ก็จะทำการนำเสนอข้อมูลให้กับลูกค้าในรูปแบบ Data Visualization เป็นรายงานหรือแผนภาพต่าง ๆ ที่ช่วยย่อยให้ผลการวิเคราะห์เข้าใจง่าย ไฮไลท์สิ่งสำคัญที่ค้นพบ และในบางครั้งมีการเพิ่มข้อเสนอแนะให้กับลูกค้าด้วย

Credit: Freepik.com

Data Scientist ทำหน้าที่อะไร?

ส่วน Data Scientist หรือนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล คืออาชีพที่มุ่งเน้นการนำข้อมูลที่มีอยู่มาศึกษาเพื่อหารูปแบบบางอย่างที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ แล้วเอารูปแบบที่ว่าไปจำลองเป็นโมเดลใหม่เพื่อคาดการณ์ความเป็นไปได้ของธุรกิจในอนาคต หรือนำไปสร้างเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานให้มีมากขึ้น

แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่าเป็น “นักวิทยาศาสตร์” การทำงานของ Data Scientist นั้นจึงรวมถึงการตั้งสมมติฐาน การทดลองสร้างโมเดลที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง การติดตามและประเมินผล ไปจนถึงการปรับปรุงโมเดลให้สอดคล้องกับปัจจุบัน

อันที่จริงแล้ว Data Scientist นั้นต้องทำงานร่วมกับ Data Analyst อยู่บ่อยครั้ง นั่นก็เพราะว่าข้อมูลที่ทั้ง 2 อาชีพต้องนำไปใช้ทำงานต่อจำเป็นต้องผ่านกระบวนการ Data Mining เหมือกัน หลังจากทำให้ข้อมูลพร้อมใช้แล้วจึงจะแยกส่วนงานกันทำ หรือในบางที งานของ Data Analyst ก็ช่วยปูทางให้ Data Scientist ทำงานต่อได้ง่ายขึ้น

Credit: Adobe.com

สิ่งที่เหมือนกันของ Data Analyst และ Data Scientist

  1. ความรู้พื้นฐานด้านข้อมูล
    ทั้ง Data Analyst และ Data Scientist ต่างก็ต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ Data ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งประเภทของข้อมูล การเข้าถึงข้อมูล การจัดการกับข้อมูล การนำข้อมูลไปวิเคราะห์ หรือแม้แต่การนำข้อมูลไปแสดงผล
  2. เครื่องมือที่ใช้ในการทำงานกับข้อมูล
    โปรแกรมที่ใช้สำหรับการประมวลผลข้อมูลที่ทั้ง Data Analyst และ Data Scientist ต้องใช้เหมือนกันก็คือโปรแกรม Spreadsheet เช่น Microsoft Excel หรือ Google Sheets โดยใช้สำหรับการวิเคราะห์ผลและแปลงข้อมูลเป็นภาพในเบื้องต้น อาจสร้างโมเดลแบบง่ายได้เช่นกัน แต่สำหรับ Data Scientist แล้ว ถ้าข้อมูลที่ได้มามีขนาดมหาศาลหรือหากต้องวิเคราะห์ผลในขั้น Advanced ก็จะหันไปใช้โปรแกรม Python แทน
  3. ทักษะ Web Scraping
    ทักษะนี้คือทักษะการดึงข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ มาเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการรวบรวมข้อมูลด้วยตัวเองเป็นอย่างมาก
  4. ทักษะการวิเคราะห์และการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking)
    เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยทั้งสำหรับ Data Analyst และ Data Scientist ก็คือการคิดวิเคราะห์ที่เป็นเหตุเป็นผล มองเห็นถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาเป็นชิ้นงานที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถนำไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานได้ อีกทั้งต้องมีทักษะในการคิดเพื่อต่อยอดโอกาสจากข้อมูลที่ออกมาเพื่อนำไปใช้ในเชิงธุรกิจได้มากขึ้น

Credit: Pexels.com

สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Data Analyst กับ Data Scientist

Data AnalystData Scientist
ชิ้นงานคือการนำเสนอผลวิเคราะห์เพื่อให้ธุรกิจนำไปใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจชิ้นงานคือโมเดลการวิเคราะห์เพื่อให้ธุรกิจนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการทำนายแนวโน้ม
ใช้มุมมองทางธุรกิจเพื่อทำความเข้าใจและถ่ายทอดวิธีการใช้ข้อมูลเชิงลึกในส่วนต่าง ๆ ขององค์กรใช้มุมมองทางธุรกิจเพื่อพัฒนาโมเดลที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้ตรงตามที่องค์กรต้องการ
มุ่งเน้นการสื่อสารที่ทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่าย สามารถนำข้อมูลเชิงลึกไปใช้ในการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมุ่งเน้นการสื่อสารที่ทำให้ผู้ร่วมพัฒนาเข้าใจได้ง่าย โดยนำข้อมูลเชิงลึกไปอธิบายเพื่อพัฒนาโมเดลที่แม่นยำ
ควรมีทักษะในการเล่าเรื่องผ่านข้อมูล และการแปลงข้อมูลให้เป็นภาพ เพื่อทำให้ผู้ฟังตามทันและเข้าใจความสำคัญควรมีทักษะทางด้าน Machine Learning คณิตศาสตร์ และสถิติ เพื่อใช้ในการพัฒนาโมเดล
โปรแกรมที่มักจะใช้งานเป็นหลักคือ Spreadsheetโปรแกรมที่มักจะใช้งานเป็นหลักคือ Python หรือโปรแกรมวิเคราะห์อื่น ๆ

ไม่ว่าจะเป็น Data Analyst หรือ Data Scientist ทั้ง 2 ตำแหน่งก็มีความสำคัญในองค์กรไม่แพ้กัน ถ้าอยากเรียนรู้ด้าน Data พาตัวเองสู่อาชีพที่เป็นที่ต้องการในอนาคต มาเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญได้ที่สาขาวิชาวิทยาการข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Data Science and Artificial Intelligence) วิทยาลัยนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยี ไทย-ญี่ปุ่น (TNIC) ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://tnic.tni.ac.th/th/dsa-program-th/

แหล่งข้อมูล

Datath.com  

Aigencorp.com

Skooldio.com