ทำความรู้จัก ภาษาคอมพิวเตอร์ กุญแจสู่โลกแห่งโปรแกรมมิ่ง

ใครที่กำลังสนใจหรือตามหาโอกาสในสายงานโปรแกรมมิ่งหรือวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) อยู่นั้น สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องเรียนรู้คือ “ภาษาคอมพิวเตอร์” ซึ่งแตกต่างจากภาษาของมนุษย์ ภาษาคอมพิวเตอร์นั้นจำเป็นต่อความก้าวหน้าในสายงานข้างต้น เพราะเป็นทักษะที่จะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นจริงได้ เรามาทำความรู้จักกับภาษาคอมพิวเตอร์กันเลย!

Credit: Stock.adobe.com
ภาษาคอมพิวเตอร์คืออะไร?
ภาษาคอมพิวเตอร์ คือภาษาที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการรับคำสั่งและทำงานจากมนุษย์ โดยทั่วไป การรับรู้และประมวลผลของคอมพิวเตอร์จะอยู่ในรูปแบบของชุดตัวเลข 0 และ 1 ซึ่งเป็นภาษาที่มนุษย์เข้าใจได้ยาก ในทางกลับกัน คอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถเข้าใจภาษาคนได้เช่นกัน เพื่อให้การสื่อสารระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องง่าย ภาษาคอมพิวเตอร์จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็น “ตัวกลาง” ในการสื่อสาร และมีโปรแกรมเฉพาะที่ทำหน้าที่เป็น “ช่องทาง” ในการนำส่งและแปลงภาษาให้คอมพิวเตอร์เข้าใจได้ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามคำสั่งที่เราต้องการนั่นเอง
ภาษาคอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง?
สิ่งหนึ่งที่ภาษาคอมพิวเตอร์มีคล้ายกับภาษาของมนุษย์คือความหลากหลาย โดยแต่ละภาษามีลักษณะเฉพาะและเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
- ภาษาระดับต่ำ (Low-level languages) เป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาเครื่อง (Machine Language) มากที่สุด มักจะออกมาในรูปแบบของชุดตัวเลขและตัวอักษรที่ไม่สามารถนำมาร้อยเรียงเป็นภาษามนุษย์ได้ แต่สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง มีความซับซ้อนและเขียนยาก ตัวอย่างของภาษาในกลุ่มนี้ เช่น ภาษาเครื่อง ภาษา Assembly
- ภาษาระดับสูง (High-level languages) เป็นภาษาที่มนุษย์เข้าใจได้ง่ายกว่า มีโครงสร้างภาษาที่เป็นระเบียบ ใช้ในการเขียนโปรแกรมตั้งแต่ระดับเบื้องต้นถึงโปรแกรมที่ซับซ้อน เช่น ภาษา C++, Java, Python, JavaScript เป็นต้น
ภาษาคอมพิวเตอร์แต่ละภาษาแตกต่างกันอย่างไร?
ภาษาคอมพิวเตอร์แต่ละภาษามีความแตกต่างกันทั้งโครงสร้างทางภาษาและจุดประสงค์ในการใช้งาน บางภาษาเหมาะสำหรับการพัฒนาเว็บไซต์ ในขณะที่บางภาษาเหมาะสำหรับการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การเลือกใช้ภาษาที่เหมาะสมกับงานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม นี่คือตัวอย่างของภาษาคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
ภาษาคอมพิวเตอร์ | ข้อดี | ข้อเสีย | เหมาะกับใคร | ตัวอย่าง โปรแกรมที่ใช้ ภาษานี้ | |
Python | เป็นภาษาที่ใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับมือใหม่ เน้นการเขียนโค้ดที่อ่านและทำความเข้าใจได้ง่าย นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ได้หลากหลาย | – โค้ดอ่านและเขียนง่าย เหมาะกับมือใหม่ – มีโค้ดสำเร็จรูปจำนวนมากให้เลือกใช้ ช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น – ใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่การพัฒนาเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน จนถึงงาน AI และ Data Science | – ประสิทธิภาพค่อนข้างช้ากว่าภาษา C++ หรือ Java | นักใช้ภาษาคอมมือใหม่, นักพัฒนาเว็บไซต์, นักวิเคราะห์ข้อมูล, AI Engineer | Instagram, YouTube |
C++ | เป็นภาษาที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเร็ว เช่น การพัฒนาเกม และระบบที่ต้องการการจัดการหน่วยความจำอย่างมีประสิทธิภาพ | – ประมวลผลได้เร็วและมีประสิทธิภาพสูง – สามารถควบคุมการจัดการหน่วยความจำได้อย่างละเอียด | – ไวยากรณ์ค่อนข้างซับซ้อนและเรียนรู้ได้ยาก | นักพัฒนาเกม, นักพัฒนาโปรแกรมที่ต้องการประสิทธิภาพสูง | Adobe Photoshop, Unreal Engine |
Java | เป็นภาษาที่สามารถเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-oriented programming, OOP) ได้ และมีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันขนาดใหญ่และระบบที่ต้องรองรับหลายแพลตฟอร์ม | – ทำงานได้บนหลายแพลตฟอร์ม (Write Once, Run Anywhere) – มีความเสถียรและปลอดภัยสูง | – ไวยากรณ์ค่อนข้างซับซ้อนและต้องการความละเอียดในการเขียนโค้ด | นักพัฒนาโปรแกรมขนาดใหญ่ | Minecraft, LinkedIn |
JavaScript | เป็นภาษาที่ใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์ให้สามารถโต้ตอบได้และตอบโจทย์งานที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง โดยทำงานร่วมกับภาษา HTML และ CSS เพื่อให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น | – ใช้ในการพัฒนา Front-end ได้ง่ายและมีความยืดหยุ่น – รองรับทุกเว็บเบราว์เซอร์ – มี Framework ที่ช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น เช่น React และ Vue.js | – ประสิทธิภาพต่ำกว่า C++ หรือ Java ในบางกรณี | นักพัฒนาเว็บไซต์ | Facebook, Gmail |

Credit: Stock.adobe.com
ทักษะและเครื่องมือที่ใช้ควบคู่กับภาษาคอมพิวเตอร์
การเรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์ไม่ใช่แค่การท่องจำ แต่เป็นการฝึกฝนทักษะและเลือกใช้เครื่องมือที่ใช่ เพื่อสร้างสรรค์โค้ดที่มีประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
ทักษะที่ขาดไม่ได้สำหรับนักพัฒนา
- การคิดเชิงตรรกะ (Logical Thinking): ความสามารถในการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล วิเคราะห์ปัญหา และหาวิธีแก้ไขอย่างเป็นขั้นตอน เป็นทักษะที่สำคัญในการเขียนโปรแกรม เพราะการเขียนโปรแกรมคือการสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามลำดับขั้นตอนที่กำหนด
- การแก้ปัญหา (Problem Solving): การเขียนโปรแกรมส่วนใหญ่คือการแก้ปัญหา ดังนั้นทักษะในการวิเคราะห์ปัญหา แบ่งปัญหาออกเป็นส่วนย่อย ๆ และหาวิธีแก้ไขจึงเป็นสิ่งจำเป็น
- อ่านและทำความเข้าใจโค้ด (Code Comprehension): ทักษะนี้เป็นสิ่งสำคัญในการทำงานร่วมกับผู้อื่น แก้ไขข้อผิดพลาด หรือปรับแต่งโค้ดให้ซับซ้อนขึ้น การฝึกอ่านโค้ดจะช่วยให้เข้าใจโครงสร้างและหลักการทำงานของโปรแกรมได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างเครื่องมือที่นักพัฒนาใช้
- โปรแกรมแก้ไขโค้ด (Code Editor): เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับเขียน แก้ไข และจัดการโค้ด มีให้เลือกใช้มากมาย เช่น Visual Studio Code, Sublime Text, Atom เป็นต้น โปรแกรมเหล่านี้มักมีคุณสมบัติที่ช่วยในการเขียนโค้ด เช่น การเติมคำอัตโนมัติ การตรวจสอบไวยากรณ์ และการจัดรูปแบบโค้ด
- คอมไพเลอร์หรืออินเตอร์พรีเตอร์ (Compiler or Interpreter): เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับแปลโค้ดที่เราเขียนให้อยู่ในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์เข้าใจและสามารถทำงานได้
- เครื่องมือดีบัก (Debugger): เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบการทำงานของโปรแกรมแบบทีละขั้นตอนได้ และช่วยระบุตำแหน่งที่เกิดข้อผิดพลาด
- ระบบควบคุมเวอร์ชัน (Version Control System): เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการโค้ดหลายเวอร์ชัน
- เครื่องมือทดสอบ (Testing Tools): ช่วยให้เราสามารถเขียนชุดโค้ดสำหรับทดสอบและตรวจสอบผลลัพธ์ได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่าโปรแกรมทำงานได้อย่างถูกต้อง

Credit: Stock.adobe.com
ในโลกของการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ในหนึ่งซอฟต์แวร์อาจประกอบด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ที่หลากหลายและแตกต่างกัน เช่น ส่วนหน้าของเว็บไซต์อาจใช้ JavaScript ในขณะที่ส่วนหลังของระบบอาจใช้ Python หรือ Java การเรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์มากกว่า 1 ภาษา จึงเป็นการเพิ่มพูนทักษะที่จำเป็นสำหรับนักพัฒนา และเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในสายงาน
สำหรับผู้ที่สนใจพัฒนาทักษะด้านโปรแกรมมิ่งและการพัฒนาระบบสำหรับใช้ในการจัดการข้อมูล วิทยาลัยนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TNIC) มีหลักสูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการถึง 2 สาขาด้วยกัน
- สาขาวิชาวิทยาการข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Data Science and Artificial Intelligence) เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงพัฒนาโปรแกรมสำหรับจัดการข้อมูล และ
- สาขาวิชาวิศวกรรมดิจิทัล (Digital Engineering) สร้างทักษะทางวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมประยุกต์เพื่อสร้างนวัตกรรมแห่งอนาคต
นอกจากความเชี่ยวชาญในภาษาคอมพิวเตอร์ที่หลากหลายแล้ว หลักสูตรเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้ที่จำเป็นในการทำงานสายข้อมูลและโปรแกรมมิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เตรียมพร้อมสู่เส้นทางอาชีพแห่งอนาคต
แหล่งข้อมูลอ้างอิง: