0-2763-2600 Ext. 2652, 2409, 2410

เจาะลึกหลักสูตร JIB แห่งวิทยาลัยนานาชาติ TNIC การันตีจบไปมีงานทำระดับนานาชาติ เป๊ะ! ทั้งภาษาญี่ปุ่น-อังกฤษ และธุรกิจ หลักสูตรแห่งเดียวในประเทศไทย

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา กับ 3 หลักสูตรนานาชาติ ทั้ง DGE (Digital Engineering), DSA (Data Science and Analytics) และ GBM (Global Business Management) ในปีการศึกษาใหม่ที่ใกล้จะมาถึงนี้ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น หรือ Thai-Nichi Institute of Technology (TNI) พร้อมยกระดับหลักสูตรนานาชาติสังกัดคณะ เป็นวิทยาลัยนานาชาติ (Thai-Nichi International College :TNIC) เดินหน้าเปิดหลักสูตรใหม่ อย่าง Japanese for International Business (JIB) หรือ หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่นเพื่อธุรกิจระหว่างประเทศ โดยเป็นหลักสูตรนานาชาติ มุ่งปั้นบัณฑิตคุณภาพระดับอินเตอร์ เก่งทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ การันตีจบไปมีงานทำแน่นอน

น่าสนใจขนาดนี้ เราจึงพามาเจาะลึกถึงจุดเด่นและจุดแข็งของหลักสูตร JIB ที่รับรองได้ว่า โดนใจน้อง ๆ อย่างแน่นอน

JIB ปั้นเด็กสายศิลป์ เก่งภาษาญี่ปุ่น-อังกฤษ ทักษะความรู้ด้านธุรกิจระหว่างประเทศก็เพียบพร้อม

ต้องบอกว่า ภาษาญี่ปุ่นมาเป็นอันดับหนึ่งในแง่ความโดดเด่นของหลักสูตร JIB เพราะนักศึกษาจะได้เรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ภาษาญี่ปุ่นระดับพื้นฐาน ไปจนถึงภาษาญี่ปุ่นขั้นสูง และยังได้เรียนภาษาญี่ปุ่นเฉพาะทางซึ่งใช้ในเชิงธุรกิจ รวม ๆ แล้วก็มีมากถึง 22 – 24 วิชา คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของหลักสูตรทั้งหมด ขณะที่อีก 30 เปอร์เซ็นต์ เน้นเรื่องการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศและวิชาเลือกอื่น ๆ สามารถไปแลกเปลี่ยน เรียนที่มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นและนำหน่วยกิตมาเทียบโอนได้ นับเป็นหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นที่ดีที่สุดในยุคนี้ ซึ่ง รศ.กฤษดา วิศวธีรานนท์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ยืนยันว่า ด้วยความแข็งแกร่งด้านภาษา เมื่อเรียนจบแล้วสามารถไปทำงานที่ญี่ปุ่นได้เลย หรือไปทำงานในบริษัทญี่ปุ่นที่อยู่ต่างประเทศ บริษัทญี่ปุ่นที่มาเปิดในประเทศไทย ตลอดจนบริษัทนานาชาติอื่น ๆ ในระดับอินเตอร์

รศ.กฤษดา วิศวธีรานนท์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น
รศ.กฤษดา วิศวธีรานนท์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น

“หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรศิลปศาสตร์ เป็นสายศิลป์ แต่เป็นสายศิลป์ที่มีหัวทางด้านการค้าขาย เพราะเราไม่ได้สอนภาษาญี่ปุ่นในเชิงอักษรศาสตร์ วรรณคดี หรือวัฒนธรรม แต่จะเป็นภาษาญี่ปุ่นที่ใช้ในแวดวงธุรกิจระหว่างประเทศ ช่วยให้ผู้เรียนสามารถสนทนาโต้ตอบเรื่องธุรกิจกับคนญี่ปุ่นได้ เขียนจดหมาย ทำ Presentation ธุรกิจ เสนอสินค้า เสนอโปรเจคต์ด้วยภาษาญี่ปุ่นได้ และเนื่องจากเป็นหลักสูตร International Programs ซึ่งอาจารย์จะสอนด้วยภาษาอังกฤษ ดังนั้น ผู้เรียนก็จะเก่งภาษาอังกฤษไปด้วยในตัว สรุปก็คือ ภาษาญี่ปุ่นก็ได้ ภาษาอังกฤษก็ดี และมีความรู้เรื่อง International Business ด้วย”

ความน่าสนใจอีกอย่างที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ การจัดหลักสูตรใหม่อย่าง JIB นี้ ได้รวมเอาจุดเด่น ข้อดีของหลักสูตรก่อนหน้ามาไว้ด้วยกัน ทั้ง DGE, DSA และ GBM ก่อให้เกิดเป็น “สหวิทยาการ” ที่ช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้กว้างขวาง ซึ่งจำเป็นมากสำหรับยุคนี้ เพราะเมื่อมีความรู้กว้างขวาง ก็สามารถที่จะทำงานได้กว้างหลายสาขาด้วย

“ขณะที่ DGE (Digital Engineering) โดดเด่นทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ DSA (Data Science and Analytics) เป็นเรื่องของไอทีและงานวิเคราะห์ข้อมูลเชิงการค้า หรือ Big Data ที่จำเป็นมากต่อองค์กรธุรกิจ ส่วนหลักสูตร GBM (Global Business Management) จะเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจ การสร้างธุรกิจเอง หรือที่เรียกว่า Startup แต่ของเราจะเน้นสร้างในระดับอินเตอร์ ไปได้ทั่วโลก”

รศ.กฤษดา วิศวธีรานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แต่เดิม หลักสูตรเหล่านี้กระจายอยู่ตามคณะต่าง ๆ บริหารงานแบบเอกเทศ ใช้อาจารย์ของตัวเองสอน แต่นับจากนี้เมื่อยกระดับขึ้นเป็นวิทยาลัยนานาชาติ ก็จะนำมารวมกัน สอนในที่เดียวกัน แชร์อาจารย์ร่วมกัน แชร์บทเรียน แชร์วิชา นักศึกษาจากสาขาหนึ่ง ก็สามารถไปเรียนบางวิชาของอีกสาขาได้ตามความสนใจของแต่ละคน ซึ่งตรงนี้ก็จะส่งผลให้ผู้เรียนมีความรู้ที่หลากหลายและกว้างขวาง จะมีอาจารย์ชาวต่างประเทศมากขึ้น มีการแลกเปลี่ยนนักศึกษากับต่างประเทศได้มากขึ้น

“นี่คือข้อดีของการจัดการเรียนการสอนแบบสหวิทยาการ เพราะยุคนี้ต้องมีความรู้กว้างขวาง อย่างคนที่เรียนวิศวกรรมศาสตร์ ก็สามารถมีโอกาสได้เรียนเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเงิน บริหารธุรกิจด้วย ถ้าเขาอยากเรียน ก็ต้องให้เขามีโอกาสเรียน หรือว่านักศึกษาที่เรียนด้านบริหารบางคนก็สนใจเรื่อง Programing เพราะอยากจะรู้ว่า การทำเว็บไซต์ ทำอย่างไร จะโปรโมตสินค้าต้องทำยังไง บางทีเขาอาจจะต้องทำเอง หรือมอบหมายให้คนอื่นทำ เขาก็ต้องรู้ไว้ เพราะฉะนั้นการที่มีความรู้ทางด้าน IT บ้าง ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับนักศึกษาในอนาคต”

ในห้องเรียนก็เข้ม นอกห้องเรียนก็ข้น กิจกรรม-สหกิจ เสริมแกร่งด้วยประสบการณ์จริง

การบ่มเพาะนักศึกษาให้ไปถึงฝั่งฝัน มีความรู้และจบไปมีงานทำ คือเป้าหมายสูงสุดที่สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ให้ความสำคัญ ดังเช่นที่ รศ.กฤษดา วิศวธีรานนท์ ให้ข้อมูลว่า แม้กระทั่งในปีที่ผ่านมา ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 นักศึกษาจบไปแล้วก็มีงานทำ 100 เปอร์เซ็นต์

โดยปัจจัยสำคัญประการหนึ่งซึ่งผลักดันให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ มีส่วนมาจากกิจกรรมนอกหลักสูตร ซึ่งนักศึกษาจะมีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกับนักศึกษามหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น อีกทั้งมีโอกาสไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น ฝึกงานหรือสหกิจศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น 6 เดือนถึง 1 ปี

“เรื่องงานผมไม่ห่วง มีงานทำแน่นอน เพราะเราเป็นมหาวิทยาลัยที่การันตีมีงานทำ 100 เปอร์เซ็นต์ และเราก็ทำสำเร็จมาตลอด นักศึกษาหลายคนจบไปทำงานที่ญี่ปุ่น เยอรมนี เช่น ทำงานที่บริษัท Volkswagen และ Triumph ก็เป็นที่ไว้วางใจจากบริษัทว่ามีฝีมือดี

“โดยเทคนิคของเราก็คือ เริ่มจากการให้นักศึกษาไปสหกิจศึกษาก่อน อย่างเช่นสายวิศวะ ถ้าได้ไปสหกิจ กับบริษัทญี่ปุ่นประมาณ 2 เดือน บริษัทเห็นหน่วยก้านดี ใช้งานได้ดี พอเรียนจบเขาก็จะจ้างต่อ ที่ไทยก็เหมือนกัน พอไปสหกิจ แล้วส่วนใหญ่เขามักจะถามว่ามาทำงานต่อไหม และในแง่ของสหกิจ เราอยากจะให้เขาไปสหกิจ ที่ญี่ปุ่น เพราะจะช่วยให้ภาษาดีขึ้นมาก หรือบางคนถ้าไม่ได้สหกิจ ก็อาจจะเลือก ไปเรียนเพื่อเอาหน่วยกิต เรียนแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น 2 – 3 วิชา ใช้เวลา 1 เทอม แล้วกลับมาเทียบโอนหน่วยกิตกับเรา ก็จบได้เหมือนกัน อันนี้เป็นข้อแตกต่างจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ กับที่นี่” รศ.กฤษดา วิศวธีรานนท์ กล่าว

ท่ามกลางบรรยากาศการเรียนการสอนที่เป็นอินเตอร์เนชันแนล ซึ่งมีนักศึกษานานาชาติมารวมกัน อีกส่วนหนึ่งซึ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าการศึกษาในห้องเรียน ก็คือ “กิจกรรมนอกหลักสูตร” ที่ทำให้น้อง ๆ นักศึกษามีความสนุกเพลิดเพลินกับการเรียนรู้ และเหนืออื่นใดก็คือ การได้ลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลให้มีประสบการณ์จริง การทำงาน การร่วมทำกิจกรรมกับคนต่างชาติ ต่างวัฒนธรรม เป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่โลกแห่งการทำงานแบบนานาชาติ

เข้าเรียนวันนี้ สิทธิพิเศษเพียบ ทั้งทุนการศึกษา และทุนเรียนดี

เนื่องในโอกาสการจัดตั้งวิทยาลัยนานาชาติ TNIC พร้อมหลักสูตรเปิดใหม่ JIB อธิการบดีแห่งสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น รศ.กฤษดา วิศวธีรานนท์ ระบุว่า ขณะนี้เปิดรับนักศึกษาผู้สนใจเข้าเรียน โดยจะมีสิทธิพิเศษให้เป็นทุนการศึกษาหลากหลายรูปแบบ เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของเด็ก ๆ และพ่อแม่ผู้ปกครอง

“เรื่องทุนการศึกษา ปีนี้เรามีเตรียมไว้แล้วจำนวน 100 ทุน ทุนละ 20,000 บาท โดยจะมีการสัมภาษณ์เพื่อมอบทุนให้ ซึ่งหลัก ๆ จะดูว่าเขามีความสนใจจะมาเรียนจริงจังแค่ไหน นอกจากนั้นก็จะมีการสอบชิงทุนจำนวน 13 ทุน ซึ่งเป็นทุนประเภท ลดค่าหน่วยกิต 100% รองลงมาก็ 50% และ 25%” ส่วนผู้ที่ไม่ได้ทุนดังกล่าว เมื่อเข้ามาเรียนแล้วผลการเรียนดี ก็จะมีโอกาสได้รับทุนเรียนดีอีกด้วย (โดยมีเงื่อนไขตามสถาบันกำหนด)”

ทั้งนี้ นอกจากเรื่องทุนการศึกษา ยังมีการติวภาษาญี่ปุ่นให้กับน้อง ๆ ที่ต้องการเข้ามาเรียนด้วย โดยจะเริ่มติวให้ช่วงก่อนเปิดเรียน เช่น ถ้าเริ่มสมัครตอนนี้ เดือนมกราคม พอน้อง ๆ จบชั้น ม.6 เรียบร้อยแล้ว ถึงเดือนเมษายน – พฤษภาคม ก็จะมีการติวภาษาให้เป็นอันดับแรก

Xรู้แบบนี้แล้ว น้อง ๆ ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา จะรอช้าอยู่ไย คลิกเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมและกรอกใบสมัครได้เลยที่นี่ >>> https://tnic.tni.ac.th/

ผศ.ดร.วิภาวดี วงษ์สุวรรณ์ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ (TNIC) สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น
ผศ.ดร.วิภาวดี วงษ์สุวรรณ์ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ (TNIC) สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น

แน่นอนว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดก็คือผู้สอน ซึ่งจุดเด่นของหลักสูตร JIB รวมทั้งทุกหลักสูตรของสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น คือการมีอาจารย์ระดับอินเตอร์ซึ่งมีประสบการณ์ด้านธุรกิจมาก่อนแล้ว ทั้งอาจารย์ชาวอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย และญี่ปุ่น

ยิ่งกว่านั้นก็คือ การมีกิจกรรมนอกหลักสูตรที่แข็งแกร่ง โดย ผศ.ดร.วิภาวดี วงษ์สุวรรณ์ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ระบุว่า นี่คือ อีกหนึ่งจุดแข็งของ TNI เนื่องจากสถาบันแห่งนี้จะให้ความสำคัญกับคำว่า “โมโนซึกุริ” (Monodzukuri) ซึ่งเป็นปรัชญาแบบญี่ปุ่นที่จะมีทั้งการเรียนและการปฏิบัติ ใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลึกซึ้งถึงองค์ความรู้ และนำไปใช้ให้เป็นรูปธรรม

“เพราะฉะนั้น ในแต่ละคลาสแต่ละวิชาจะไม่ได้มีแค่เลคเชอร์ แต่ต้องมีการปฏิบัติด้วย เราเชื่อมั่นว่า การลงมือทำจริง จะทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้ ญี่ปุ่นเขาจะมีคำว่า 5GEN คือ GENBA (สถานที่จริง) GENBUTSU (ของจริง) GENJITSU (สถานการณ์จริง) และ GENRI (หลักการ) GENSOKU (กฎเกณฑ์) หรือทฤษฎี นี่คือจิตวิญญาณของสถาบันที่เรายังคงไว้ และเพิ่มเติมความเป็นนานาชาติเข้าไป” ผศ.ดร.วิภาวดี วงษ์สุวรรณ์ กล่าวย้ำถึงความสำคัญของการมีกิจกรรมนอกหลักสูตร

THAI-NICHI INTERNATIONAL COLLEGE

Building E, Floor 3, Thai-Nichi Institute of Technology 1771/1 Pattanakarn Rd., Suanluang, Bangkok 10250 Tel: +66-(0)-2763-2600 Ext. 2652 Email: tnic@tni.ac.th